Forgot Password
10 ที่เที่ยวยุโรป ฤดูใบไม้ผลิ เดินเที่ยวสุดฟิน อินไปกับทุ่งดอกไม้
เตรียมเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยวช่วงไฮซีซั้นที่ยุโรปกันกับ 10 ที่เที่ยวยุโรป ฤดูใบไม้ผลิ ที่เราได้รวบรวมสถานที่เที่ยวแต่ละประเทศเอาไว้ ออกไปเดินทุ่งดอกไม้สุดสวย ถ่ายรูปบรรยากาศสุดฟิน บอกได้เลยว่าต้องห้ามพลาดกันเลยทีเดียว
1. เมืองซูริค สวิตเซอร์แลนด์
ซูริค (Zurich) เมืองศูนย์กลางความเจริญ และเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม และบรรยากาศสุดโรแมนติกของ ทะเลสาบซูริค (Lake Zurich) และ แม่น้ำ Limmat River ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาของ Sechseläuten ซึ่งเป็นวันหยุดประจำปีของซูริคในช่วงเดือนเมษายน และจะมีการจัดงานเทศกาลกันอย่างคึกคัก
2. สวนเคอเคนฮอฟ เนเธอแลนด์
สวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) เมืองลิซเซ่ (Lisse) ถือเป็นไฮไลท์ของฤดูใบไม้ผลิใน ประเทศเนเธอร์แลนด์ เลย เพราะเป็นสวนที่เปิดเฉพาะเดือนมีนาคม-พฤษภาคมเท่านั้น อีกทั้งยังมี ดอกทิวลิป ดอกไม้ประจำเนเธอร์แลนด์กว่า 800 สายพันธุ์ รวมแล้วกว่า 7 ล้านดอก สลับกันสร้างสีสันไปพร้อมๆ กับดอกไม้ชนิดอื่น บอกเลยว่าใครที่มาเนเธอร์แลนด์ช่วงฤดูใบไม้ผลิต้องห้ามพลาด
3. แคว้นโพรวองซ์ ฝรั่งเศส
เมื่อพูดถึง โพรวองซ์ (Provence) ก็ต้องนึกถึง ทุ่งลาเวนเดอร์ ช่วงฤดูร้อนของฝรั่งเศส แต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราอาจจะไม่ได้เจอทุ่งลาเวนเดอร์ แต่จะพบกับ ดอกวิสทีเรีย (Wisteria) สีม่วงละมุนเบ่งบานอยู่ตามกำแพงตึกอาคารต่างๆ ในเมือง ดอกซากุระ หรือ เชอร์รี่บลอสซัม (Cherry Blossoms) สีขาวที่เรียงรายกันในเมือง Vaucluse รวมถึง ทุ่งดอกป๊อปปี้ (Poppy) สีแดงที่ขึ้นสลับกับผืนหญ้าสีเขียวโดยมีขุนเขาขนาดใหญ่เป็นฉากหลัง เรียกว่าเป็นฤดูแห่งสีสันที่มีเสน่ห์สุดๆ
4. หมู่บ้านแคว้นอาลซัส ฝรั่งเศส
แคว้นอาลซัน (Alsace) ตั้งอยู่สุดทางทิศตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส และทิศตะวันตกของ แม่น้ำไรน์ (Rheinfall) ซึ่งติดกับพรมแดนของ เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบไปด้วยเมืองสุดน่ารักที่ยังอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบยุคกลางเอาไว้ อีกทั้งยังมีหลายเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Ville Fleurie หรือ Flowering City ซึ่งแปลว่า "หมู่บ้านแห่งดอกไม้" ถ้าเราไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราจะเห็นดอกไม้ผลิบานไปทั่วเมือง ทั้งตามถนนหนทาง และหน้าต่างของอาคารบ้านเรือน ดูแล้วสดชื่นสบายตาเป็นอย่างมาก
5. ทะเลสาบโคโม่ อิตาลี
ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมของประเทศอิตาลี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสี เพราะสภาพอากาศค่อนข้างแจ่มใสและปลอดโปร่ง เหมาะกับการนั่งเรือเดินทางไปยังเมืองต่างๆ รอบทะเลสาบ ระหว่างการท่องเที่ยว ยังได้ชมทิวทัศน์ของ เทือกเขาแอลป์ (Alps) สุดอลังการตั้งตระหง่านเป็นพื้นหลังอีกด้วย บอกได้เลยว่าต้องแวะไปเที่ยวให้ได้
6. มอลตา
มอลตา (Malta) ประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งของ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) ประกอบไปด้วย 3 เกาะหลัก ที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ผสานอารยธรรมแดนตะวันจากหลากหลายวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวธรรมชาติอีกมากมาย เนื่องจากเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ตรงชายฝั่งทะเลและทางใต้ของยุโรป จึงทำให้มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายไปจนถึงอบอุ่น เหมาะกับการท่องเที่ยวตลอดปีเลย
7. คอตส์โวลด์ส อังกฤษ
คอตส์โวลด์ส (Cotswolds) ศูนย์รวมหมู่บ้านชนบททางภูมิภาคใต้ตอนกลางของประเทศอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของหมู่บ้านสีน้ำผึ้งสุดน่ารัก และเนินหญ้าที่สวยงาม เหมาะกับการไปเที่ยวทุกฤดู แต่ถ้าอยากชมสีสันของมวลดอกไม้ ต้องช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนที่จะได้พบกับทั้ง ทุ่งดอกคาโนล่า ทุ่งดอกป๊อปปี้ และ ทุ่งลาเวนเดอร์ รับรองได้เลยว่ามุมไหนก็ถ่ายรูปออกมาสวยสุดๆ
8. ไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ (Iceland) ไม่ได้มีเพียงการล่าแสงเหนือ และความหนาวเย็นในฤดูหนาวเท่านั้น เพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ก็จะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของขุนเขาสีเขียวขจี และทุ่งดอกไม้ที่เบ่งบานแต่งเติมทุกที่ให้ดูมีชีวิตชีวา
9. หมู่เกาะโลโฟเทน นอร์เวย์
หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten Islands) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า โลโฟเทน (Lofoten) หมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในทางตอนเหนือของ ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ต่างๆ ผู้คนบนเกาะส่วนใหญ่ก็จะทำอาชีพประมงกันมาตั้งแต่โบราณ จึงทำให้เห็นหมู่บ้านชาวประมงที่เขาเรียกกันว่า "Rorbuer" ทั้งสีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีขาวเต็มไปหมด
10. ลูบลิยานา สโลวีเนีย
ลูบลิยานา (Ljubljana) เมืองหลวงของสโลวีเนีย สัมผัสเสน่ห์ของบ้านเมืองสไตล์บาโรกที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนเป็นฉากหลัง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย แถมอากาศก็ยังเย็นสบาย ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป
Tags
Tags
TRAVEL UPDATE
{{ commentAmount }} Comments